บทความ

5 กฎเหล็กให้ประสบความสำเร็จในงานการโรงแรมก่อนวัย 30

เขียนโดย DTC Team - Jun 22, 2020 2:30:59 AM

การดำเนินธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยว หรือแม้แต่ธุรกิจการบริการให้ประสบความสำเร็จนั้นจำเป็นต้องอาศัยทักษะหลากหลายและรอบด้านของผู้บริหาร ประกอบกับประสบการณ์ในทุกส่วนงานโรงแรม รวมกันเป็นความสามารถที่ผู้บริหารงานโรงแรมต้องมีอย่างเข้มข้นและเข้มแข็ง สำหรับคนที่ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเป็น Hotel Manager ให้ได้ก่อนวัย 30 ปี จึงถือเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมาก เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายนั้นจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างไปดู  5 กฎเหล็กที่จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในงานการโรงแรมก่อนวัย 30 กันเลย

กฎข้อที่ 1 เป้าหมายชัดเจน

ในช่วงก่อนอายุ 30 เป็นช่วงวัยแห่งการเรียนรู้และค้นหาตนเองของคนส่วนใหญ่ ดังนั้นความตั้งใจที่แน่วแน่ และตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากเพื่อไม่ให้ไขว้เขว และบอกตัวเองอยู่เสมอว่าแม้จะเหน็ดเหนื่อยแค่ไหน “ฉันจะเป็น Resident manager ให้ได้ก่อนอายุ 30 และผมก็ทำได้ในวัย 29 ปี” Dan Benzaquen กล่าว ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง General Manager ที่ Mövenpick Resort & Residences Aqaba Jordan ยิ่งไปกว่านั้นการหาแรงบันดาลใจให้กับตัวเองหรือแม้แต่การมีไอดอลเป็นแรงกระตุ้นให้มีกำลังใจในการไปถึงเป้าหมายก็เป็นส่วนหนึ่งเช่นกัน

กฏข้อที่ 2 หมั่นเรียนรู้และทำความเข้าใจความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆอยู่เสมอ

ทักษะนี้สำคัญอย่างยิ่ง กว่าจะประสบความสำเร็จและเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งได้ ย่อมผ่านการฝึกฝนเรียนรู้อย่างมากและต่อเนื่อง โดยเฉพาะสายงานการโรงแรมที่ต้องรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด รวมถึงลูกค้าหรือแขกที่มีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติและพฤติกรรม การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในช่วงห้วงนาทีเพื่อให้โรงแรมสามารถรับมือกับแขกได้อย่างไร้ที่ติ รวมไปถึงการสร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าพักก็เป็นหัวใจสำคัญในงานบริการโรงแรม ซึ่งผู้บริหารจะต้องมีความเข้าใจอย่างละเอียดลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริการห้องพัก ฝ่ายบริการอาหารและเครื่องดื่ม ฝ่ายการตลาดและการขาย ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ฝ่ายวิศวกรรมและบำรุงรักษา ทั้งหมดล้วนเป็นความรับผิดชอบของ General Manager ซึ่งต้องมีความเข้าใจในเนื้องานของแต่ละฝ่าย และรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นทันท่วงที ดังนั้นการเรียนรู้ควรเกิดขึ้นตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาและมีความต่อเนื่องในทุกด้านงานโรงแรม และแน่นอนว่าไม่มีเส้นทางลัดสำหรับสายงานนี้ มีเพียงจะต้องเรียนรู้และฝึกฝนให้หนักเพื่อไปถึงเป้าหมายได้เร็วขึ้นนั่นเอง

กฎข้อที่ 3 ไขว้คว้าทุกโอกาสเพื่อเพิ่มประสบการณ์

การจะเพิ่มชั่วโมงบินให้สูงเหมือนผู้บริหารโรงแรมที่มีอายุมากกว่าได้นั้น สำคัญคือต้องฝึกฝนให้บ่อยกว่า ดังนั้นเมื่อมีโอกาสท้าทายให้ฝึกฝนแก้ปัญหาต้องรีบคว้าไว้ทันที แทนที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา และงานยาก แต่ควรทำตรงข้ามคือพุ่งเข้ารับเอาไว้และแก้ปัญหาให้ได้ ฝึกฝนให้ชินคือกุญแจสำคัญของการเป็นผู้บริหาร ยิ่งมีความหลากหลายและยาก ยิ่งจะทำให้ทักษะต่างๆของคุณแกร่งขึ้นและชินกับการรับมือกับงานหลายๆอย่างในเวลาเดียวกันได้ อีกทั้งยังต้องฝึกบริหารงานร่วมกับหลายๆฝ่ายได้ในเวลาจำกัด โดยให้เริ่มตั้งแต่วัยเรียน เมื่อมีโอกาสในการฝึกงานก็ควรรีบคว้าเอาไว้เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์และทำให้ได้ลองวิชาจริง ฝึกฝนให้ตนเองเป็นคนชอบวิเคราะห์และแก้ปัญหาตั้งแต่ตำแหน่งงานเล็กๆ จนเพิ่มระดับไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้าใจเนื้องานของทุกตำแหน่ง

กฏข้อที่ 4 เรียนรู้และเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์

ข้อนี้มีความสำคัญในเชิงของการเข้าใจลูกค้าเพื่อสร้างยอดขาย ความประทับใจ และในอีกแง่คือความเข้าใจเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้การสื่อสารประสบความสำเร็จ ในแง่ขอการเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอจะทำให้สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อตอบสนองความต้องการของแขกได้อย่างถูกที่ ถูกเวลา สร้างความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง ยิ่งคุณเข้าใจพฤติกรรมของแขกมากเท่าไหร่ คุณจะสามารถอ่านใจพวกเขาได้แม่นยำมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าหากอ่านใจแขกได้สำเร็จ การสนองความต้องการให้แขกย่อมแม่นยำ และก่อให้เกิดความประทับใจไม่รู้ลืมคือหนึ่งในหัวใจของงานโรงแรม แต่หากผู้บริหารโรงแรมมีทักษะสูงแต่ไม่สามารถถ่ายทอดหรือทำให้พนักงานสมัครใจที่จะปฏิบัติตามนโยบายต่างๆได้ย่อมไม่ทำให้เป้าหมายของโรงแรมประสบความสำเร็จได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารที่มีอายุน้อยมักถูกยอมรับน้อยกว่าผู้บริหารที่มีอายุสูงกว่า ดังนั้นการสื่อสารต่อพนักงานในส่วนงานต่างๆให้มีความชัดเจน และคำนึงถึงผู้ใต้บังคับบัญชา สื่อสารอย่างมีศิลปะ จึงเป็นอีกหัวใจสำคัญของการเป็นผู้บริหารโรงแรม

กฏข้อที่ 5 ท้อได้แต่อย่าถอย ย้ำเตือนความฝัน และสนุกไปกับงานทุกวันให้ได้

ในช่วงวัยทำงานก่อนอายุ 30 ปี เป็นช่วงที่เต็มไปด้วยพลัง และอยากจะสนุกกับการเที่ยวหรือทำกิจกรรมต่างๆ และเป็นวัยที่เปลี่ยนแปลงได้ง่ายเพราะคิดว่ายังเหลือเวลาในชีวิตอีกมาก ดังนั้นการย้ำเตือนให้ตนเองอดทนต่อเป้าหมายจึงสำคัญมากที่สุด เพราะระหว่างทางที่ต้องวิ่งให้เร็วเพื่อไปถึงจุดหมายมันย่อมเหนื่อยและมีอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะเป้าหมายที่ใหญ่แบบนี้หลายคนอาจจะหลุดไปได้ง่ายๆ ดังนั้นต้องพยายามมีความสุขกับงานทุกๆวัน มีความสุขกับอุปสรรคระหว่างจะถึงจุดหมาย เพราะถ้าหากเป็นทุกข์กับเป้าหมายเมื่อไหร่ สิ่งที่ตามมาคือความเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ และอาจจะยอมแพ้ไปในที่สุด ลองให้รางวัลกับตัวเองเมื่อทำความสำเร็จเล็กๆ ก่อนไปถึงเป้าหมายใหญ่ เพื่อไม่ให้รู้สึกเหนื่อยล้าจนเกินไป รับรองเป้าหมายในการเป็นผู้บริหารโรงแรมของคุณอยู่ไม่ไกลแน่นอน